Tie - in สินค้า คืออะไร เทคนิคทำการตลาดแบบเนียนที่ผู้ชมไม่เบื่อ

Key Takeaways

  • การทำ Tie-in สินค้า คือเทคนิคการตลาดแบบแทรกสินค้าในคอนเทนต์อย่างแนบเนียน โดยไม่รู้สึกว่า “ขายของ”
  • เทคนิค Soft Sell และ Branded Content ช่วยให้ผู้ชมรู้สึกเป็นธรรมชาติ และจดจำแบรนด์ได้โดยไม่ต่อต้าน
  • การ วางสินค้าในวิดีโอ หรือคอนเทนต์อย่างมีกลยุทธ์ สามารถเพิ่มยอดขาย และภาพลักษณ์แบรนด์ได้พร้อมกัน
  • การทำ Tie-in อย่างไรให้เนียน ต้องเข้าใจทั้งคาแรกเตอร์ของคอนเทนต์ และพฤติกรรมของผู้ชม

 

ในยุคที่คนส่วนใหญ่ “เลื่อนผ่านโฆษณา” การขายของตรง ๆ กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกรำคาญ แบรนด์จึงต้องหาวิธีใหม่ในการเข้าถึงผู้ชมอย่างเป็นธรรมชาติ “Tie-in สินค้า” หรือ “การตลาดแบบ Tie-in” จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ได้ผลจริง โดยเฉพาะในยุคของคอนเทนต์วิดีโอ รีวิว และโซเชียลมีเดีย

 

Tie-in สินค้า คืออะไร

Tie-in สินค้า หมายถึงการ “ผูกโยงสินค้าเข้ากับเนื้อหา” ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ ภาพยนตร์ คลิปวิดีโอ หรือโพสต์บนโซเชียล โดยไม่ได้ขายตรง แต่ทำให้ผู้ชม “เห็น” และ “จดจำ” สินค้านั้นได้โดยไม่รู้ตัว

ตัวอย่างเช่น

  • พระเอกในซีรีส์เปิดฉากด้วยการดื่มกาแฟแบรนด์หนึ่งอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ยูทูบเบอร์ใช้สินค้าระหว่างเล่าเรื่องโดยไม่ได้พูดถึงชื่อแบรนด์ตรง ๆ
  • รีวิวสินค้าแบบเล่าเรื่องชีวิตจริง (Storytelling) โดยมีสินค้าอยู่ในบริบท
  • ทั้งหมดนี้คือการทำ Soft Sell ที่กลมกลืนกับคอนเทนต์

 

Soft Sell คืออะไร และสำคัญอย่างไร

Soft Sell หรือการขายแบบ “นุ่มนวล” คือการนำเสนอสินค้าโดยเน้น “ประสบการณ์” หรือ “ประโยชน์” มากกว่าการโฆษณาโดยตรง ต่างจาก Hard Sell ที่เน้นการขายทันที เช่น “ลดราคา!” หรือ “ซื้อเลย!” Soft Sell จึงเหมาะกับผู้ชมยุคใหม่ที่ไม่ชอบโฆษณายัดเยียด และต้องการความจริงใจจากแบรนด์

 

เทคนิค Tie-in อย่างไรให้เนียน

  1. เข้าใจคาแรกเตอร์ของคอนเทนต์
    สินค้าควรเข้ากับโทนของวิดีโอ เช่น คอนเทนต์แนวท่องเที่ยว ควร Tie-in สินค้าอย่างกล้อง หรืออุปกรณ์เดินทาง

  2. ใช้บริบทแทนการพูดขายตรง
    แทนที่จะพูดว่า “ครีมตัวนี้ดีมาก” ให้แสดงให้เห็นผ่านสถานการณ์ เช่น “เพื่อนชมว่าผิวดีตั้งแต่ใช้ครีมตัวนี้”

  3. เลือกจังหวะการวางสินค้าในวิดีโอให้เหมาะสม
    อย่าให้การโชว์สินค้าขัดจังหวะการเล่าเรื่อง แต่ควรแทรกช่วงที่เนื้อหากำลังเป็นธรรมชาติที่สุด
  4. สร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ (Emotional Connection)
    หากผู้ชมรู้สึกอินกับเรื่องราว เขาจะเชื่อมโยงอารมณ์นั้นเข้ากับแบรนด์ได้โดยอัตโนมัติ

  5. ใช้ Branded Content และ Native AdvertisingBranded Content คือคอนเทนต์ที่เล่าเรื่องโดยมีแบรนด์เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหา
    Native Advertising คือโฆษณาที่กลมกลืนไปกับแพลตฟอร์ม เช่น บทความบนเว็บไซต์ข่าวที่มีสินค้าสอดแทรกอย่างแนบเนียน

 

ทำไม Tie-in ถึงสำคัญกับการตลาดยุคใหม่

  • คนดู “เปิดใจ” กับเนื้อหามากกว่าโฆษณา
  • สร้างความจดจำแบรนด์ (Brand Recall) ได้ดีกว่า
  • เหมาะกับแพลตฟอร์มวิดีโอ เช่น TikTok, YouTube, Facebook
  • ช่วยเพิ่มยอดขายระยะยาวโดยไม่ต้อง “ลดราคา”

 

ตัวอย่างการ Tie-in ที่ประสบความสำเร็จ

  • KFC ในซีรีส์ต่างประเทศ ที่พระเอกพูดถึงเมนูใหม่ขณะกินอย่างธรรมชาติ
  • สินค้าไอที ในรายการรีวิว ที่ผู้จัดรายการใช้จริงในระหว่างดำเนินรายการ
  • แบรนด์เครื่องดื่ม ที่อยู่ในทุกตอนของซีรีส์ โดยไม่เคยพูดชื่อแบรนด์ตรง ๆ

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า Tie-in อย่างเนียน ไม่ได้มาจากการพูดขาย แต่เกิดจากการ “เล่าเรื่องให้ผู้ชมรู้สึกถึงแบรนด์”

 

สรุป

การทำ Tie-in สินค้า ไม่ได้หมายถึงการซ่อนโฆษณา แต่คือการ “เล่าเรื่องที่มีสินค้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจริง” การ Tie-in อย่างมีศิลปะจะช่วยให้แบรนด์ดูทันสมัย น่าเชื่อถือ และเป็นที่จดจำในระยะยาว

 

หากใครสนใจ สินค้าจากจีนคุณภาพ VIPCARGO88 บริการนำเข้าสินค้าจากจีนแบบครบวงจร ตั้งแต่ประสานโรงงาน ตรวจสอบคุณภาพสินค้า เดินพิธีการศุลกากร ไปจนถึงขนส่งถึงหน้าบ้านคุณ

 

 

 

การตลาดแบบ Tie-in คือการผูกสินค้าเข้ากับเนื้อหา เช่น รีวิวหรือคลิปวิดีโอ โดยไม่ขายตรง เป็นการทำ Soft Sell ที่กลมกลืนกับคอนเทนต์ ช่วยให้ผู้ชมจดจำแบรนด์ได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าเชื่อถือ

สาระน่ารู้

Visitors: 6,969,649