วิธีทำบาร์โค้ดสินค้าแบบมืออาชีพใน 4 ขั้นตอน เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง!

Key Takeaways

  • บาร์โค้ดสินค้า คือ รหัสที่ใช้ระบุข้อมูลสินค้าอย่างเป็นระบบ ช่วยจัดการสต็อกและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์
  • การ ทำบาร์โค้ดสินค้า เริ่มจากเลือกระบบบาร์โค้ดที่เหมาะสม → ขอเลขบาร์โค้ด → สร้างบาร์โค้ดด้วยโปรแกรม → พิมพ์และทดสอบใช้งาน
  • การใช้ บาร์โค้ด EAN-13 เป็นที่นิยมทั่วโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมค้าปลีก
  • ธุรกิจที่ใช้บาร์โค้ดอย่างถูกต้อง จะช่วยลดข้อผิดพลาด เพิ่มประสิทธิภาพ และดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น

บาร์โค้ดสินค้า คืออะไร?

บาร์โค้ดสินค้า (Product Barcode) คือ รหัสตัวเลขหรือเส้นกราฟิกที่ใช้แทนข้อมูลเฉพาะของสินค้า เช่น ชื่อสินค้า, ราคา, วันผลิต, หรือรหัสผู้ผลิต ซึ่งสามารถอ่านได้ด้วย เครื่องสแกนบาร์โค้ด ช่วยให้การจัดการสินค้าและระบบขายเป็นไปอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และปลอดภัยมากขึ้น

นอกจากนี้ การมีบาร์โค้ดบนสินค้า ยังช่วยให้สินค้า ดูเป็นทางการและน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการวางขายในห้าง ร้านสะดวกซื้อ หรือช่องทางออนไลน์ที่ต้องผ่านระบบตรวจสอบมาตรฐาน

 

วิธีทำบาร์โค้ดสินค้าใน 4 ขั้นตอนง่าย ๆ

1. เลือกระบบบาร์โค้ดที่เหมาะสมกับสินค้า

ก่อนจะเริ่มทำบาร์โค้ด คุณต้องเลือกระบบให้เหมาะกับประเภทสินค้าและตลาดเป้าหมาย เช่น

  • EAN-13 → ใช้ทั่วโลก เหมาะกับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป
  • UPC → นิยมในอเมริกาและแคนาดา
  • ISBN → ใช้กับหนังสือ
  • QR Code → ใช้เก็บข้อมูลเชิงลึก เช่น เว็บไซต์, Serial Number, หรือโปรโมชั่น

การเลือกระบบบาร์โค้ดให้ถูกต้องจะช่วยให้สินค้าของคุณขายได้ทุกช่องทางอย่างราบรื่น

 

2. ขอเลขบาร์โค้ดอย่างเป็นทางการ

เมื่อเลือกระบบได้แล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการ ขอเลขบาร์โค้ด (Barcode Number) จากหน่วยงานที่ได้รับรองมาตรฐาน เช่น

GS1 Thailand (ภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) ซึ่งเป็นองค์กรกลางที่ออกเลขบาร์โค้ดในประเทศไทย

ขั้นตอนการลงทะเบียนบาร์โค้ดมีดังนี้

  • สมัครสมาชิกกับ GS1
  • ชำระค่าธรรมเนียมรายปี
  • รับรหัสบริษัท (Company Prefix)
  • สร้างรหัสสินค้าภายใต้ Prefix ของคุณ

การมีเลขบาร์โค้ดอย่างถูกต้องจาก GS1 ช่วยให้สินค้าคุณสามารถจำหน่ายได้ในห้างค้าปลีกหรือแพลตฟอร์ม e-Commerce ทั่วโลก

 

3. สร้างบาร์โค้ดด้วยโปรแกรมสร้างบาร์โค้ด

เมื่อได้เลขบาร์โค้ดแล้วสามารถนำไปสร้างเป็นภาพกราฟิกได้โดยใช้ โปรแกรมสร้างบาร์โค้ด (Barcode Generator) เช่น

  • BarTender – โปรแกรมระดับมืออาชีพ
  • ZebraDesigner – สำหรับเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดโดยเฉพาะ
  • Canva / Microsoft Word / Excel – ใช้ทำบาร์โค้ดแบบพื้นฐาน
  • เว็บไซต์ฟรี เช่น Barcode Generator

หลังจากสร้างแล้ว ควรตรวจสอบขนาด ความคมชัด และตำแหน่งวางบาร์โค้ดให้เหมาะสมกับบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้เครื่องสแกนบาร์โค้ดอ่านได้อย่างแม่นยำ

 

4. พิมพ์บาร์โค้ดและทดสอบการใช้งาน

ขั้นตอนสุดท้ายคือการ พิมพ์บาร์โค้ดลงบนฉลากสินค้า โดยคำนึงถึงความทนทานและคุณภาพ เช่น

  • ใช้เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดโดยเฉพาะ เพื่อให้เส้นชัด ไม่แตก
  • เลือกวัสดุฉลากที่เหมาะกับสินค้า เช่น กระดาษ, สติ๊กเกอร์กันน้ำ, หรือฟิล์มใส
  • ทดสอบการสแกนจริงก่อนผลิตจำนวนมาก เพื่อให้แน่ใจว่าบาร์โค้ดทำงานได้ถูกต้อง

 

ความสำคัญของบาร์โค้ดต่อธุรกิจ

การสร้างระบบบาร์โค้ดสินค้าอย่างถูกต้อง ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะช่วยให้คุณสามารถ:

  • จัดการสต็อกสินค้าได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
  • ลดข้อผิดพลาดในการขายและเช็กสินค้า
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือของสินค้าและแบรนด์
  • รองรับระบบขายอัตโนมัติและ POS ได้อย่างเต็มรูปแบบ
  • ขยายตลาดสู่แพลตฟอร์มค้าปลีกระดับโลก เช่น Shopee, Lazada, Amazon

 

สรุป

การทำ บาร์โค้ดสินค้า ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด แค่เข้าใจหลักการและทำตามขั้นตอน คือ

  1. เลือกระบบบาร์โค้ด
  2. ขอเลขบาร์โค้ด
  3. สร้างด้วยโปรแกรม
  4. พิมพ์และทดสอบ

เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถมีบาร์โค้ดสินค้ามาตรฐานสากล ที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและยกระดับแบรนด์ของคุณได้แล้ว

การมีระบบบาร์โค้ดที่ถูกต้อง ไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคง แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์มืออาชีพในตลาดอีกด้วย 

 

 

การทำบาร์โค้ดสินค้าเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการจัดการระบบขายอย่างมืออาชีพ โดยสามารถใช้โปรแกรมสร้างบาร์โค้ดหรือเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด เพื่อสร้างบาร์โค้ด EAN-13 และลงทะเบียนกับระบบบาร์โค้ด GS1 ได้

สาระน่ารู้

Visitors: 6,966,750